Skip to content
1 min read Apple

การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่เพื่ออนาคตของ Apple ในยุค AI

การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่เพื่ออนาคตของ Apple ในยุค AI

มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในหน่วยงาน AI ของ Apple ที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ Apple ได้ดึงตัวผู้บริหารระดับสูงจาก Google  มาตั้งแต่ปี 2018 เพื่อมารับผิดชอบด้าน AI

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขากำลังถูกถอดบทบาทบางส่วนออกไป จากการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหม่ของ Apple

ลองมาดูการวิเคราะห์จาก Bloomberg ที่ได้อธิบายถึงสถานการณ์ปัจจุบันและทิศทางของ Apple ในการจัดการกับ AI อย่างชัดเจน

ประวัติความเป็นมาของ AI ที่ Apple

ย้อนกลับไปในปี 2011 Apple เปิดตัว Siri ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้ช่วย AI เสียงแรก ๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว

แต่หลังจากนั้นไม่นานในช่วงปี 2015-2016 Apple เริ่มตกเป็นฝ่ายตามหลังเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น อย่าง Google Assistant และ Alexa จาก Amazon ที่เปิดตัวและพัฒนาอย่างรวดเร็ว

จนทำให้ Apple ดูเหมือนจะเสียเปรียบในตลาด AI ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด

หนึ่งในปัญหาสำคัญที่ Apple เองก็รับรู้ คือการทำงานด้าน AI ภายในบริษัทที่กระจัดกระจายและทำงานในรูปแบบ silo หรือแยกกันทำงานในแต่ละแผนก ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการต่าง ๆ ซึ่งทำให้การพัฒนา AI ของ Apple ขาดประสิทธิภาพและความต่อเนื่อง

การดึงตัว John Giannandrea จาก Google และความหวังใหม่ของ Apple

เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว Apple ได้ตัดสินใจดึงตัว John Giannandrea ผู้บริหารที่ดูแลด้าน AI และบริการ Search ของ Google มาร่วมทีมในปี 2018 โดยตั้งความหวังว่าการรวม AI ทั้งหมดไว้ภายใต้การบริหารของเขาจะช่วยยกระดับความสามารถของ Apple ในด้าน AI และ Machine Learning ให้กลับมาแข่งขันได้ในระดับแนวหน้าของวงการ

อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ โดย Apple ยังคงถูกคู่แข่ง AI รายอื่น ๆ อย่าง ChatGPT จาก OpenAI, Google Gemini และ Microsoft Copilot ทิ้งห่างไปมาก

การปรับโครงสร้างใหม่ของหน่วยงาน AI ที่ Apple

เมื่อเห็นว่าการรวมหน่วยงาน AI ไว้ในที่เดียวกันไม่ประสบความสำเร็จ Apple จึงเริ่มกลับไปสู่รูปแบบการจัดองค์กรแบบเดิมที่เน้นความเป็น functional organization หรือแยกหน่วยงานตามหน้าที่เฉพาะ โดยการกระจายหน่วยงาน AI ออกไปยังแผนกต่าง ๆ ภายในบริษัทอีกครั้ง

จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดย Apple ได้ย้าย Siri ออกจากหน่วยงาน AI ไปยังแผนกวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผล เพราะ Siri เป็นซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอปพลิเคชันและบริการต่าง ๆ

นอกจากนี้ Apple ยังได้ย้ายหน่วยงาน Robotics ซึ่งเดิมอยู่ในหน่วย AI ไปยังแผนกวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ เนื่องจาก Robotics เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฮาร์ดแวร์เป็นหลัก จึงเหมาะสมที่จะให้ฝ่ายฮาร์ดแวร์รับผิดชอบ

สัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ใน Apple

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า Apple อาจกำลังเตรียมตัวสำหรับโลกที่ไม่มีหัวหน้า AI คนเดียวที่ดูแลทุกอย่างอีกต่อไป

เป็นการกลับสู่รูปแบบองค์กรที่แยกตามหน้าที่อย่างชัดเจนมากขึ้น

ในมุมมองของผู้คนใน Apple และนักวิเคราะห์หลายฝ่าย การตัดสินใจนี้เป็นการแก้ไขความล้มเหลวในการพัฒนา AI ภายในองค์กรที่เคยถูกคาดหวังว่าจะพลิกโฉมบริษัทให้เป็นผู้นำด้าน AI ในตลาด

นอกจากนี้ Apple ยังต้องเผชิญกับความท้าทายอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อธุรกิจโดยรวม เช่น การจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ขึ้นอยู่กับจีน และความพยายามที่จะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอินเดียเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางการเมืองและภาษีศุลกากร

ความคาดหวังจากการรายงานผลประกอบการของ Apple

ในสัปดาห์นี้ Apple จะรายงานผลประกอบการ ซึ่งคาดว่าจะเป็นหนึ่งในรายงานที่น่าสนใจที่สุดในช่วงหลัง ๆ

ไม่ใช่เพราะตัวเลขรายได้หรือกำไรที่บริษัทจะประกาศ

แต่เป็นเพราะคำถามและความกังวลที่นักวิเคราะห์จะซักถามจากผู้บริหารของ Apple หลังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหน่วยงาน AI และสถานการณ์โลกที่มีความไม่แน่นอนสูง

หนึ่งในประเด็นหลักที่น่าจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยอย่างหนัก คือเรื่อง AI ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันและอนาคต

นอกจากนั้นยังมีประเด็นเกี่ยวกับภาษีศุลกากรและความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างต่อเนื่อง

รวมถึงคำถามเกี่ยวกับนวัตกรรมและทิศทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Apple

บทสรุป: อนาคตของ Apple กับ AI ที่ยังต้องจับตา

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหน่วยงาน AI ของ Apple เป็นสัญญาณชัดเจนว่าบริษัทกำลังปรับตัวอย่างจริงจังเพื่อรับมือกับความท้าทายทั้งภายในและภายนอกองค์กร

การย้าย Siri และ Robotics กลับไปยังแผนกที่เกี่ยวข้องโดยตรงเป็นการตัดสินใจที่สะท้อนถึงความพยายามในการเพิ่มประสิทธิภาพและความชัดเจนในการบริหารจัดการ

สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ Apple อาจจะไม่ยึดติดกับโครงสร้างองค์กรแบบรวมศูนย์ในด้าน AI อีกต่อไป ซึ่งอาจเป็นการเปิดโอกาสให้การพัฒนา AI ของบริษัทมีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับความต้องการของแต่ละแผนกได้มากขึ้น

สำหรับผู้ติดตามข่าวสารเทคโนโลยีและแฟน ๆ Apple การรายงานผลประกอบการที่จะมาถึงนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการติดตามว่า Apple จัดการกับความท้าทายเหล่านี้อย่างไร และบริษัทจะสามารถกลับมาแข่งขันในตลาด AI ที่เต็มไปด้วยคู่แข่งที่แข็งแกร่งได้หรือไม่

สุดท้ายนี้ ขอแนะนำให้ทุกคนติดตามข่าวสารและการวิเคราะห์อย่างใกล้ชิด เพราะการเปลี่ยนแปลงในวงการ AI ของ Apple นี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อบริษัทเท่านั้น

แต่ยังสะท้อนภาพรวมของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลกในยุคที่ AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญ

ที่มา: Bloomberg Technology